เมื่อตั้งครรภ์คุณแม่ส่วนใหญ่ก็มักจะใจร้อนอยากรู้เพศลูกทันที ซึ่งการตรวจหาเพศของลูกน้อยในครรภ์ก็สามารถทำได้หลายวิธีด้วยกัน โดยเราก็จะพาคุณแม่ไปดูกันว่ามีวิธีไหนบ้าง และจะเริ่มตรวจได้เมื่อไหร่

1.อัลตร้าซาวด์
เป็นวิธีตรวจหาเพศลูกในครรภ์ที่นิยมทำกันมากที่สุด โดยสามารถตรวจรู้ได้ตั้งแต่อายุครรภ์ประมาณ 18-22 สัปดาห์ ซึ่งการตรวจด้วยวิธีนี้คุณแม่จะเห็นทารกในครรภ์ที่กำลังอยู่ในท่าทางต่างๆ และมองเห็นอวัยวะเพศ จึงระบุได้ว่าเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายนั่นเอง โดยการอัลตร้าซาวด์นั้นก็ยังแบ่งออกได้เป็นอีก 3 แบบ คือ 2 มิติ, 3 มิติ และ 4 มิติ ซึ่งคุณแม่สามารถเลือกตรวจแบบไหนก็ได้ แต่ก็จะมีค่าบริการที่ต่างกันไปด้วย
2.เจาะน้ำคร่ำ
การเจาะน้ำคร่ำ นอกจากจะดูความผิดปกติของทารกในครรภ์ได้แล้ว ก็สามารถตรวจหาเพศลูกได้เหมือนกัน โดยจะตรวจได้ตั้งแต่อายุครรภ์ 15 สัปดาห์ขึ้นไป แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของแพทย์ด้วยว่าจะตรวจได้หรือไม่ เพราะการเจาะน้ำคร่ำอาจเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนได้สูง
3.ตรวจดีเอ็นเอ
คุณแม่รู้ไหมว่าการตรวจ DNA ก็เป็นอีกวิธีที่จะช่วยให้รู้เพศลูกในครรภ์ได้ ซึ่งจะเริ่มตรวจในช่วงปลายไตรมาสที่ 1 ด้วยการตรวจดูสารพันธุกรรมของทารกนั่นเอง โดยวิธีนี้ก็มีความแม่นยำพอสมควร แต่ต้องอยู่ในดุลยพินิจของแพทย์เช่นกัน เพราะหากคุณแม่ไม่แข็งแรงก็อาจไม่สามารถตรวจด้วยวิธีนี้ได้ เนื่องจากจะทำให้เสี่ยงต่อการแท้งสูง
4.ตรวจปัสสาวะ
สำหรับการตรวจปัสสาวะเพื่อหาเพศลูกนั้น จะมีที่ตรวจโดยเฉพาะซึ่งคล้ายกับการตรวจครรภ์นั่นเอง แต่จะเป็นการตรวจหาเพศลูกว่าเป็นผู้หญิงหรือชาย โดยคุณแม่สามารถหาซื้อตามร้านขายยาทั่วไปมาตรวจเองได้เลย หรือจะสั่งซื้อตามร้านค้าออนไลน์ก็ได้ ซึ่งการตรวจด้วยวิธีนี้ก็จะตรวจได้แม่นยำในช่วง 10 สัปดาห์ขึ้นไป
5.ตรวจ NIPT
หากคุณแม่ใจร้อน การตรวจ NIPT ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะทำให้ทราบเพศลูกเร็วขึ้น เพราะสามารถตรวจได้ตั้งแต่อายุครรภ์ 9 สัปดาห์ โดยจะเป็นการเจาะเลือดตรวจนั่นเอง ซึ่งหากคุณแม่อยากตรวจเพศลูกด้วยวิธีนี้ก็ลองปรึกษาแพทย์ดู
การตรวจเพศลูกในครรภ์สามารถทำได้หลายวิธี แต่วิธีที่นิยมทำกันมากที่สุด ก็คือการอัลตร้าซาวด์นั่นเอง เพราะมีความปลอดภัยสูง และได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำ แถมคุณแม่ยังมีความสุขจากการได้เห็นลูกน้อยในครรภ์อีกด้วย อย่างไรก็ตามจะตรวจด้วยวิธีไหนดีก็ลองปรึกษาแพทย์กันดู ความรู้และทริคดีๆ เรามีมาแนะนำให้คุณแม่บ้านยุคใหม่เรื่อยๆ เลยนะคะ