ขนมต่างๆ มักมีรสหวานเพื่อให้เด็กรู้สึกอร่อยและเป็นรสชาติที่ทำให้มีความสุข ดังนั้นเมื่อถึงเวลาที่โตขึ้นเด็กๆ ก็จะเริ่มเลือกทานแต่อาหารหวานๆ จนทำให้ ลูกติดหวาน ในที่สุด ซึ่งคุณพ่อคุณแม่จะทำอย่างไรดี มาดูเทคนิคที่เราหามาให้ได้อ่านกันไปดูกันเลย

วิธีรับมือเมื่อ ลูกติดหวาน
1.คุณคือคนที่เลือกอาหารให้ลูก
- การทานอาหารในแต่ละมื้อ หลักๆ เด็กจะต้องทานที่บ้านและคุณก็จะต้องเป็นคนหาให้เขาได้ทานดังนั้นคุณเองก็ควรลองทำกับข้าวที่สามารถควบคุมรสชาติได้เองเพื่อเป็นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของลูกให้หันมาทานอาหารที่ไม่หวานได้
2.ตัวอย่างที่ดีคือตัวคุณเอง
- การยกตัวอย่างต่างๆ ก็ไม่เท่าทำให้ดู ลูกๆ จะมองคุณเป็นต้นแบบในแทบทุกเรื่องดังนั้นหากคุณห้ามให้ลูกไม่ทานหวานแต่ตัวคุณกลับทำซะเอง เด็กๆ ก็จะทำตามอย่างที่คุณทำแน่นอน
3.ควรปลูกฝังตั้งแต่ยังเล็ก
- ในช่วงแรกที่เด็กๆ เริ่มหัดทานข้าวการทำอาหารในแบบที่ไม่ปรุงแต่งจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด เพราะเด็กๆ จะจดจำรสชาติแบบนั้นและช่วยให้เขาทานอาหารได้ง่ายขึ้นอีกด้วย

4.วางกฎให้ชัดเจน
- หากลูกของคุณเริ่มโตพอที่จะพูดคุยกันเข้าใจแล้ว สิ่งที่คุณต้องทำคือการวางกฎระเบียบในบ้านโดยอาจพูดคุยกันว่าจะไม่มีการ เอาขนมหวานๆ เข้าบ้าน โดยหากไม่อยากหักดิบก็ควรให้เขาลดปริมาณลงแต่คุณก็ต้องเข้มแข็งไม่อ่อนข้อเด็ดขาด
5.ไม่ใส่อารมณ์แต่ให้เป็นคำพูดเชิงบวก
- คุณพ่อคุณแม่บางคนอาจจะหงุดหงิดที่เห็นลูกกินขนมหวานๆ ที่ห้ามกินแต่สิ่งที่ไม่ควรทำที่สุดคือการระเบิดอารมณ์ใส่ลูก และควรใจเย็น
อธิบายแล้วใช้คำพูดเมื่อเห็นว่าลูกไม่นำขนมหวานๆ เข้าบ้านหรือไม่ทานอาหารที่หวานจัด โดยคุณอาจบอกลูกว่า “ลูกเก่งจังเลยที่มีความอดทนไม่ทานของหวานๆ ได้” เป็นต้น

ลูกติดหวาน อันตรายกว่าที่คิด
- การติดการกินหวานในเด็กหากผู้ปกครองไม่สนใจ หากทำให้เกิดปัญหาหลายประการ อย่างแรกคือฝันผุ และทำให้ลูกมีกลิ่นปากติดไปจนโต
ประการที่สอง การทานหวานมากๆ อาจเป็นการทำให้เกิดเบาหวานในเด็กได้ ซึ่งจะเห็นได้ว่าการติดหวานนั้นส่งผลเสียไม่น้อยเลยทีเดียว ดังนั้นต้องพยายามอย่าให้ลูกติดรสชาติหวานๆ เด็ดขาด
ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่เอง ก็ต้องคอยปลูกฝังเด็กตั้งแต่ยังเล็ก และพยายามไม่ตามใจให้ขนมหรือของหวานเป็นรางวัลกับเด็ก เท่านี้ก็จะช่วยลดปัญหา ลูกติดหวาน ได้ดีแล้วล่ะ
#ป้องกันลูกติดหวาน #ดูแลใส่ใจอาหารการกินลูก