สัญญาณเตือน!! รู้ได้อย่างไรเมื่อ “ลูกป่วย” และต้องรีบพาไปพบแพทย์

สัญญาณเตือน!! รู้ได้อย่างไรเมื่อ “ลูกป่วย” และต้องรีบพาไปพบแพทย์
Facebook
Twitter

หากลูกป่วยหรือไม่สบายเขาจะไม่สามารถสื่อสารหรือบอกเราได้ว่าเขามีอาการเจ็บป่วยตรงไหน โดยเฉพาะเด็กบางคนเป็นเด็กที่ชอบร้องไห้อยู่แล้ว คุณพ่อคุณแม่แทบจะแยกไม่ออกเลยว่าลูกของคุณร้องไห้เพราะป่วยหรือร้องไห้เพราะงอแง จึงทำให้คุณแม่หลายคนจะต้องศึกษาวิธีสังเกตไว้ด้วยว่า หากลูกมีอาการป่วยจะทำการการตรวจเช็คร่างกายของลูกอย่างไร จึงจะรู้ว่าลูกป่วยและมีอาการผิดปกติ

สัญญาณเตือนลูกป่วยที่ต้องระวัง

  1. มีไข้สูงเกิน 38.5 องศาเซลเซียส หากที่บ้านมีเด็กเล็กสิ่งที่ต้องมีติดบ้านเอาไว้เลยก็คือ ปรอทวัดไข้ มีความจำเป็นอย่างมาก ซึ่งอาการที่สังเกตได้เลยก็คือ หน้าแดง ตัวร้อน ร้องไห้งอแง ควรให้ดื่มน้ำ และเช็ดตัวเพื่อระบายความร้อนอยู่เสมอ แต่ในเด็กเล็กที่อายุต่ำกว่า 2 ปี หากมีไข้สูงอย่างต่อเนื่อง ไม่ควรปล่อยไว้เกิน 48 ชั่วโมง ต้องรีบพาไปโรงพยาบาลทันที เพราะเด็กอาจมีอาการขาดน้ำได้
  2. ลูกป่วยหายใจผิดปกติ สิ่งที่สำคัญคือ ต้องหมั่นสังเกตลักษณะการหายใจของลูกด้วย เช่น หน้าอกบุ๋ม หัวใจเต้นเร็ว ตัวเขียว และซึม ซึ่งอาการเหล่านี้เป็นอาการที่บ่งบอกถึงภาวะหายใจล้มเหลว ซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิต
  3. อาเจียนอย่างรุนแรง ไม่ควรปล่อยให้ลูกอาเจียนอย่างรุนแรง เพราะจะส่งผลให้เกิดภาวะขาดน้ำความดันต่ำ หัวใจเต้นเร็ว และอาจเกิดภาวะไตวายเฉียบพลันได้
  4. มีอาการปวดในระดับรุนแรง เช่น ปวดท้อง โดยสังเกตได้คือ ลูกจะนอนตัวงอ งอแง กำมือแน่น เท้าจิก กำมือแน่น เท้าจิก ไม่กินอาหาร ไม่กินนม ถ้าหากเป็นเช่นนี้ประมาณ 3-4 ชั่วโมง ให้รีบพาไปพบแพทย์ทันที
  5. ลูกป่วยมีผื่นขึ้นตามร่างกาย ร่วมกับอาการที่ต้องระวัง คือ มีไข้ บวมที่ริมฝีปาก ใบหน้า หายใจไม่ออก ซึ่งไม่ควรปล่อยทิ้งไว้ เพราะลูกอาจเกิดอาการแพ้รุนแรงได้ควรรีบพาไปพบแพทย์จะดีที่สุด

วิธีการดูแลเมื่อลูกป่วยเบื้องต้นที่ควรทำก่อนส่งโรงพยาบาล

  1. เช็ดตัวลดไข้เมื่อลูกตัวร้อนและมีไข้สูง
  2. ให้จิบน้ำอุ่นอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ
  3. ให้ลูกจิบเกลือแร่เรื่อยๆ เมื่อลุกเจียน หรือท้องเสีย

เป็นอย่างไรบ้างสำหรับวิธีสังเกตอาการเจ็บป่วยในเด็กว่าลูกป่วย ซึ่งบอกได้เลยว่าเด็กหลายคนนั้นอาจจะมีอาการชัดเจน ที่คุณแม่จะสามารถมองออกได้ง่ายๆ แต่เด็กบางคนมีอาการซึมๆไม่บอกอะไรให้กับคุณแม่ จึงต้องมีอุปกรณ์ช่วย อย่างเช่น ปรอทวัดไข้ ซึ่งมีประโยชน์อย่างมากเพราจะช่วยทำให้คุณสามารถทราบถึงอุณหภูมิร่างกายของลูกได้ว่าอยู่ในระดับที่อันตรายหรือไม่นั่นเอง

#ไลฟ์สไตล์ของแม่บ้าน #แม่บ้านยุคใหม่ #ลูกป่วย

More to explorer

รู้จักการเลี้ยงดูแบบไข่ในหิน

รู้จักการเลี้ยงดูแบบไข่ในหิน

หลายคนน่าจะเคยได้ยินคำว่า “เลี้ยงลูกแบบไข่ในหิน” มาแล้วซึ่งความหมายนี้มีทั้งมุมมองที่ดีและไม่ดีเท่ากัน การเลี้ยงลูกควรจะมีระดับที่เหมาะสม ไม่ตึงหรือหย่อนเกินไปเพราะจะส่งผลต่อจิตใจและการใช้ชีวิตของเด็กเมื่อเติบโตขึ้นโดยตรง

How to วิธีขจัดคราบชากาแฟติดในแก้ว ให้กลับมาใสสะอาดอีกครั้ง

How to วิธีขจัดคราบชากาแฟติดในแก้ว ให้กลับมาใสสะอาดอีกครั้ง

สำหรับใครที่ชื่นชอบการดื่มชาหรือกาแฟจะรู้ดีว่าจะมีคราบสีน้ำตาลติดอยู่ที่แก้วแบบฝังแน่นอยู่เสมอ ไม่ว่าจะขัดล้างยังไงก็ออกยาก มาดู วิธีขจัดคราบชากาแฟติดในแก้ว ด้วยของที่ต้องมีครัวใกล้ตัวภายในบ้านกันดีกว่าว่ามีอะไร

พ่อแม่รู้หรือไม่-ต้องเสริมสารอาหารให้กับเด็กมังสวิรัติ-

พ่อแม่รู้หรือไม่ ต้องเสริมสารอาหารให้กับเด็กมังสวิรัติ 

แต่ละครอบครัวนั้นก็มีรูปแบบการรับประทานอาหารที่แตกต่างกันออกไป บางบ้านก็รับประทานอาหารกันได้ทุกแบบ ในขณะที่หลายบ้านนั้นก็รับประทานอาหารแบบมังสวิรัติ แม้ว่าการรับประทานมังสวิรัตินั้นจะช่วยให้ร่างกายสามารถทำงานได้อย่างเต็มที่และยังลดโอกาสในการเกิดโรคบางอย่างได้ด้วย อย่างไรก็ตามสำหรับครอบครัวที่รับประทานอาหารแบบมังสวิรัตินั้นหากมีเด็กเล็กอยู่ในครอบครัวด้วยจำเป็นจะต้องเสริมสารอาหารให้กับพวกเขาเพื่อให้เด็กมังสวิรัติมีร่างกายที่แข็งแรงและสุขภาพดี