ขึ้นชื่อว่า “ลูกหลง” หลาย ๆ คนก็คงนึกถึงบุคคลที่เกิดมาหลังคนอื่นในช่วงระยะเวลาที่ไม่คาดคิดว่าจะมีเด็กที่สามารถเกิดขึ้นมาได้หรือเกิดห่างจากพี่ ๆ ของตัวเองหลายปีมากจนเหมือนกับเป็นบุคคลที่หลงมาผิดเวลาจนเรียกว่า “ลูกหลง” ซึ่งคุณอาจคิดว่าลูกหลงเป็นคนที่น่าอิจฉา
เพราะได้รับความรักจากพ่อแม่อย่างเต็มที่ ด้วยความที่เป็นลูกคนสุดท้องส่วนใหญ่ แต่บางทีความน่าอิจฉานั้นอาจเป็นเพียงแค่เบื้องหน้าที่ผู้คนเลือกที่จะมองเห็นเท่านั้น กลับกันในมุมของลูกหลงจริง ๆ เขากลับเป็นคนที่อยากได้รับความรักอีกหลายด้านที่ยังคงเป็นช่องโหว่มาจนโต ดังนี้

ลูกหลงต้องการจะสนิทกับพี่ ๆ ของตัวเอง
ด้วยความที่ลูกหลงเกิดห่างจากพวกพี่ ๆ หลายปีจนบางครอบครัวก็เกิดห่างกันกับพี่ถึง 10 – 20 ปีก็มี ซึ่งเมื่อเด็กโตพอจะรับรู้เรื่องราวต่าง ๆ ได้ เขาก็จะอยู่ในวัยที่อยากหาคนใกล้ชิดในบ้านที่อายุไม่ห่างกันมากเพื่อชวนคุย ปรึกษา หรือทำกิจกรรมร่วมกันแบบสนุกสนาน แต่กลับไม่สามารถทำเช่นนั้นได้เพราะพวกพี่ ๆ
ของเขาตอนนี้ก็โตและอยู่ในสังคมกว้างที่แตกต่างจากวัยของตัวเองมากเกินกว่าจะเอื้อม มองดูแล้วช่างน่าอิจฉาที่เขาสามารถเปิดอกคุยกันได้อย่างสนิทสนม ไปไหนก็ชวนไปด้วยกัน แต่ลูกหลงที่เป็นน้องอย่างเรากลับต้องเล่นตุ๊กตาและดูการ์ตูนอยู่ในบ้านเป็นเพื่อนแก้เหงาเท่านั้น แม้แต่เพื่อนของเราก็มีพี่น้องในวัยใกล้เคียงกัน ช่างดีจริง ๆ
ความรักลูกหลงที่ได้เพียงครึ่งหนึ่งเมื่อเทียบกับพี่น้องวัยใกล้เคียงกันที่คลานตามออกมา แม้พวกพี่ ๆ จะทำดีแค่ไหนเราก็สามารถมองออกว่ามันมีกำแพงบาง ๆ ที่มองไม่เห็นเข้ามากั้นความรักของลูกหลงกับพวกเขาอยู่

ลูกหลงต้องการเป็นที่ยอมรับของคนในครอบครัว
ลูกหลงมักจะเป็นลูกคนสุดท้องของแม่ทำให้มีการเอาใจใส่และให้ความรักแบบห่วงใยจากผู้เลี้ยงดูซึ่งแม้ว่าเขาจะเติบโตบรรลุนิติภาวะแล้วก็ยังคงถูกมองว่าเป็นเด็กในสายตาผู้ใหญ่เสมอ ทีนี้ไม่ว่าจะเป็นหลานหรือเด็กคนอื่นที่เกิดจากคนในครอบครัวภายหลังเราก็จะกลายเป็นมองลูกหลงอย่างเรา ๆ
คล้ายเด็กเหมือนกับพวกเขาและไม่ให้การพูดเคารพใด ๆ เท่าไหร่ แถมหากอยากจะตัดสินใจไปไหนหรือทำอะไรเองก็ไม่ให้ทั้งที่ลูกหลงก็เหมือนเด็กคนอื่นที่สามารถทำได้ แม้เขาจะพยายามทำให้ตัวเองเป็นที่ยอมรับก็ดูจะไร้ผล เขาก็แค่ต้องการความรักในมุมของการยอมรับแบบที่ลูกคนอื่นมีก็เท่านั้น

ลูกหลงต้องการคนที่สามารถเข้าใจนิสัยคนละวัยกับเขาได้
ลูกหลงไม่เคยมีคนในวัยเดียวกันอยู่เคียงข้างในบ้านเลย จะมีก็แต่พ่อแม่ปู่ย่าตายายที่เลี้ยงดูเรามาทำให้ความคิดและมุมมองเราถูกตีกรอบไว้ให้กลายเป็นการอยู่ติดครอบครัว ซึ่งนับเป็นอุปสรรคสำคัญมากในการที่เราจะพูดอะไรออกไปตามวัยที่สมควรจะเป็น เขาก็มักมองลูกหลงในแง่ของคนที่ยังมีประสบการณ์น้อย หากจะมีใครสักคนที่คอยอยู่เคียงข้างเป็นที่ปรึกษารู้จักนิสัยของคน Gen วัยเราได้ก็คงจะไม่ต้องมานั่งเหงาสับสนกับพฤติกรรมที่เหมาะตามวัยที่เริ่มมากขึ้นแบบนี้
ฉะนั้นการเกิดเป็นลูกหลงจึงไม่ใช่ชีวิตที่สวยงามอย่างที่คิด แม้จะไม่ได้แย่มากแต่ก็คงดีหากเขาจะได้รับความรักที่เต็มเปี่ยมแบบที่คนทั่วไปมีบ้าง หากคุณพ่อคุณแม่หรือคนในครอบครัวที่มีลูกหลงก็จงอย่าปล่อยให้เขาต้องว้าเหว่เหมือนอยู่ตัวคนเดียวในโลกเลย เพราะเขายังต้องการความรักจากคุณอยู่อีกมาก
เพียงแต่ด้วยคนละวัยเขาจึงไม่กล้าแสดงออกให้คุณเห็นเท่านั้น หากปล่อยไว้ลูกหลงคนนั้นก็อาจกลายเป็นเด็กที่นิ่งเงียบและไม่กล้าเผชิญหน้าพูดคุยอย่างเปิดอกกับคนในบ้านได้ในที่สุด ซึ่งคุณก็จะคิดไปเองว่าเขาชอบอยู่คนเดียวแบบอินดี้ ทั้งที่ความจริงแล้วเขาก็แค่อยากอยู่ในโลกส่วนตัวที่มีตัวเขาเข้าใจตนมากที่สุดก็เท่านั้น…บางทีก็อยากจะร้องไห้นะ
รูปภาพประกอบ : Pixabay
#ลูกหลง #ไลฟ์สไตล์ของแม่บ้าน #แม่บ้านยุคใหม่